เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ "ไดกิ้น (Daikin)" รุ่นไหนดี? มีประสิทธิภาพ กรอง PM2.5 ได้

TeddyAir's Content

airpurifier-howto

"ซื้อเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี?" เลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้มีประสิทธิภาพและกรอง PM2.5 ได้ เป็นคำถามที่หลายคนกำลังสงสัยในช่วงนี้ที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 นั่นเอง เครื่องฟอกอากาศที่จำหน่ายในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายราคา ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีระบบการทำงานที่เป็นจุดเด่น รวมถึงประสิทธิภาพในการฟอกอากาศแตกต่างกันไป จึงควรพิจารณาหลาย ๆ ด้านก่อนตัดสินใจ ไดกิ้นจึงขอแนะนำแนวทางในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ และสามารถกรอง PM2.5 ได้อย่างประสิทธิภาพ ใช้งานได้จริงตรงกับความต้องการและคุ้มค่ามากที่สุด

PM2.5 คืออะไร?

PM2.5 คืออะไร?

PM2.5 คือฝุ่นละอองที่สร้างความอันตรายให้กับร่างกายเราได้ในระยะสั้น และระยะยาว โดย 2.5 หมายถึง ฝุ่นที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งเปรียบได้กับขนาด 1 ใน 25 ของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ ดังนั้นฝุ่นที่มีขนาดเล็กเช่นนี้จึงสามารถผ่านตัวกรองอย่างขนจมูกเข้าสู่ระบบหายใจ ไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่ายกายได้ ซ้ำร้ายกว่านั้นฝุ่นละอองเหล่านี้ยังเป็นพาหะนำสารอันตรายอื่นๆ มาด้วย เช่น ปรอท ตะกั่ว โลหะหนัก แคดเมียม และสารก่อมะเร็งอื่นๆ

อันตรายของฝุ่น PM2.5 จะเห็นได้ชัดที่สุดในโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ใครที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้วก็มีจะอาการรุนแรงขึ้น ใครที่ไม่เคยเป็นภูมิแพ้ก็อาจเป็นขึ้นมาได้เพราะผลกระทบจาก PM2.5 และในระยะยาวอาจก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคปอด และมะเร็ง ซึ่งถือว่าร้ายแรงมาก

การป้องกันฝุ่น PM2.5 ที่ง่ายที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ถ้าจำเป็นต้องใส่หน้ากาก N95 สำหรับป้องกัน PM2.5 โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การอยู่ในอาคารหรือในบ้านก็ใช่ว่าจะปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 เสมอไป เพราะการเปิดปิดประตูหน้าต่างก็ทำให้ฝุ่นเล็ดลอดเข้ามาได้ ดังนั้นการใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM2.5 จึงถือเป็นทางออกที่ดีในการป้องกันตัวเรา และคนในครอบครัว

เครื่องฟอกอากาศคืออะไร? กรองฝุ่น PM2.5 ได้อย่างไร?

เครื่องฟอกอากาศ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ช่วยกำจัดมลพิษ และสิ่งแปลกปลอมในอากาศ ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์มากขึ้นซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากสารก่อภูมิแพ้อย่างฝุ่นและควัน นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอับ กลิ่นอาหาร กลิ่นควันบุหรี่ ได้อีกด้วย

การทำงานของเครื่องฟอกอากาศโดยทั่วไปแล้วมีหลักการที่คล้ายคลึงกัน กล่าวคือมีการดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่องผ่านระบบกรองอากาศ เพื่อดักจับสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งสกปรกเอาไว้ แล้วปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมา ซึ่งในแต่ละยี่ห้อก็มีเทคโนโลยีที่แตกต่างกันไป แต่มีสิ่งสำคัญก็คือแผ่นกรองอากาศซึ่งจะทำหน้าที่ดักจับสิ่งไม่พึงประสงค์ที่อยู่ในอากาศถูกดูดเข้าไป

ดังนั้น เครื่องฟอกอากาศที่สามารถรับมือกับ PM2.5 ได้จึงควรมีแผ่นกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพในการช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็กมากๆ อย่างเช่น ฝุ่นขนาด 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ได้ โดยแผ่นกรองอากาศ HEPA (High Efficiency Particulate Air) ซึ่งผลิตมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส เป็นแผ่นกรองที่นิยมใช้ในเครื่องฟอกอากาศหลายๆ ยี่ห้อ เพราะสามารถช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้

เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศอย่างไรดี?

1. เลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับห้องที่ใช้งาน

เครื่องฟอกอากาศก็คล้ายกับเครื่องปรับอากาศที่จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อมีขนาดที่เหมาะสมกับขนาดห้อง ยิ่งห้องใหญ่ก็ยิ่งต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้ฟอกอากาศได้อย่างทั่วถึง แต่ถ้าใช้เครื่องฟอกอากาศใหญ่ในห้องขนาดเล็ก ก็ถือเป็นการกินไฟเกินความจำเป็น ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศจึงต้องเลือกให้พอดีกับขนาดห้อง ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ซึ่งผู้ผลิตเครื่องฟอกอากาศจะระบุในสเป็คสินค้าไว้ว่าเหมาะกับห้องกี่ตารางเมตร

 

2. เลือกเครื่องที่กรองฝุ่นได้ละเอียด และสามารถฟอกอากาศได้เร็ว

เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพต้องสามารถกรองฝุ่นได้ละเอียดและเร็ว เพราะถ้าไม่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้ หรือกรองอากาศได้รวดเร็วเพื่อให้เรามีอากาศบริสุทธิ์ไว้หายใจก็ไร้ความหมาย ซึ่งปัจจัยที่ต้องดูว่าเครื่องฟอกอากาศกรองฝุ่นได้อย่างไร ต้องดูค่า CADR และค่า Air Flow

  • ค่า CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate คือปริมาณอากาศที่เครื่องฟอกอากาศสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ใน 1 นาที หน่วยคือ CFM ย่อมาจาก Cubic Feet per Minute ยิ่งตัวเลขสูงก็แปลว่าเครื่องฟอกอากาศทำงานได้ดี มีการแสดงผล 3 ตัวเลข คือ อัตราการทำความสะอาดฝุ่นละออง เกสรดอกไม้และควันบุหรี่
  • ค่า Air Flow หรือ Air Volume คือค่าความเร็วลม เป็นตัวที่บ่งบอกว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถกรองอากาศและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วแค่ไหน ดังนั้นยิ่งค่า Air Flow สูงมาก ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้รวดเร็ว

3. เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีระบบการทำงานที่ตอบโจทย์

ในอากาศมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์มากมาย ไม่ใช่แค่ฝุ่นเท่านั้น แต่ยังมีทั้งเชื้อโรค สารเคมีอันตราย สารก่อภูมิแพ้และกลิ่น ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศจึงต้องพัฒนาระบบกรองอากาศให้ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้งานด้วย โดยเครื่องฟอกอากาศของไดกิ้นมีการทำงานที่โดดเด่นด้วยระบบฟอกอากาศทั้งภายนอกและภายในเครื่องที่จะยับยั้งสิ่งที่เป็นอันตรายต่อการหายใจได้เป็นอย่างดี รวมถึงเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่น PM2.5 และเซ็นเซอร์ตรวจจับกลิ่น สามารถฟอกอากาศอัตโนมัติเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ

 

4. เลือกเครื่องฟอกอากาศที่การออกแบบและการจัดวาง

นอกจากการเลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับขนาดห้องแล้ว การออกแบบเครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกปัจจัยที่ควรคำนึงถึงไม่แพ้กัน เพราะเครื่องฟอกอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องวางไว้ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านตลอดเวลา จึงควรเลือกสีและวัสดุของเครื่องที่เข้ากับการตกแต่งบ้าน รวมทั้งรูปทรงที่กะทัดรัด เช่น เครื่องฟอกอากาศทรงสูงที่สามารถวางไว้ได้ทุกมุมห้องโดยไม่กินพื้นที่ และสำหรับการออกแบบเครื่องฟอกอากาศของไดกิ้นนั้นเป็นแบบช่องลมเข้า 3 ทิศทางทั้งด้านหน้า ด้านซ้ายและขวา โดยมีการกระจายลมออกทางด้านบนจึงทำให้วางใกล้ผนังได้ ไม่ทำให้ผนังสกปรก ช่วยประหยัดพื้นที่และช่วยให้บ้านดูเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น

 

5. เลือกเครื่องฟอกอากาศที่เสียงเบา ทำงานเงียบ

เครื่องฟอกอากาศก็คล้ายกับเครื่องปรับอากาศ ส่วนใหญ่เราเปิดใช้ตอนทำงานและตอนนอนหลับพักผ่อน ดังนั้นเครื่องที่ทำงานได้เงียบจึงดีต่อสมาธิมากกว่า ระดับเสียงที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 30 - 31 เดซิเบล ขณะที่เครื่องฟอกอากาศของไดกิ้นมีระดับเสียงต่ำสุดเพียง 19 เดซิเบลจากการออกแบบที่รองรับการใช้งานเป็นอย่างดี เครื่องจึงทำงานเงียบ ตอบโจทย์ทุกเวลาที่ต้องการใช้งาน

 

6. เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ประหยัดพลังงาน

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5 รับรองการประหยัดพลังงานอยู่แล้ว แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ควรมีระบบเปิดปิดเครื่องตามเวลาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานเรื่องการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น

 

7. เลือกการบริการหลังการขายที่ดี

เครื่องฟอกอากาศจำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กรองฝุ่นหรือแผ่นกรองดักเก็บฝุ่น เช่น 6 เดือน หรือ 1 ปี  จึงควรคำนึงถึงด้วยว่าสามารถหาซื้อไส้กรองมาเปลี่ยนได้ง่ายหรือไม่และมีค่าใช้จ่ายแพงหรือไม่ รวมถึงถ้าสินค้ามีการชำรุด ทางบริษัทมีบริการหลังการขายเป็นอย่างไร ซึ่งทางไดกิ้นนั้นมีบริการหลังการขาย ทั้งด้านงานซ่อม การจำหน่ายอะไหล่ การให้คำแนะนำ การแจ้งติดตามงาน อย่างใส่ใจและทั่วถึง จึงหมดกังวลในเรื่องนี้ได้

เครื่องฟอกอากาศไดกิ้นรุ่นไหนดี?

เครื่องฟอกอากาศ MCK55TVM6

เครื่องฟอกอากาศไดกิ้น MCK55TVM6
เครื่องฟอกอากาศไดกิ้น MCK55TVM6 เหมาะสำหรับพื้นที่ไม่เกิน 41 ตารางเมตร สามารถฟอกอากาศทั้งภายใน และภายนอก ช่วยยับยั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ อีกทั้งยังมีระบบ Humidifier เพิ่มความชื้นในอากาศ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นบนผิวหนัง ยับยั้งอาการระคายเคืองจากอากาศแห้ง มาพร้อมแผ่นกรอง HEPA แบบไฟฟ้าสถิตที่กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างรวดเร็ว

จุดเด่น

  • ระบบเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ
  • ระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่อง Active Plasma Ion
  • ระบบฟอกอากาศภายในเครื่อง Streamer
  • เซนเซอร์วัดค่าระดับฝุ่นขนาดใหญ่ ฝุ่นขนาดเล็กกว่า PM2.5 และกลิ่นได้ 3 ระดับ
  • ฟิลเตอร์ดับกลิ่น Deodorizing Filter ซึ่งใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน
  • ลมเข้า 3 ทิศทาง ทำให้วางชิดผนังได้และไม่ส่งเสียงรบกวน
  • ออกแบบทรงสูงช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย
  • สะดวกสบายในการควบคุมเครื่องฟอกด้วยรีโมทไร้สาย

เครื่องฟอกอากาศ MC55UVM6

เครื่องฟอกอากาศไดกิ้น MC55UVM6

เครื่องฟอกอากาศของไดกิ้นรุ่น MC55UVM6 เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศสำหรับครอบครัว การทำงานของเครื่องครอบคลุม 41 ตารางเมตร เหมาะกับการวางในห้องขนาดใหญ่หรือส่วนกลางของบ้าน สามารถฟอกอากาศทั้งภายในและภายนอกเครื่อง ช่วยยับยั้งเชื้อโรคและสิ่งไม่พึงประสงค์ต่างๆ เช่น สารก่อภูมิแพ้ กลิ่น พร้อมแผ่นกรอง HEPA แบบไฟฟ้าสถิตที่ช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็กได้รวดเร็ว

จุดเด่น

  • ระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่อง Active Plasma Ion
  • ระบบฟอกอากาศภายในเครื่อง Streamer
  • เซนเซอร์วัดค่าระดับฝุ่นขนาดเล็กกว่า 5 ได้ละเอียดถึง 6 ระดับ
  • ฟิลเตอร์ดับกลิ่น Deodorizing Filter ซึ่งใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน
  • ระบบล็อคป้องกันเด็กกดเล่น
  • การออกแบบทรงสูงช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้อง

เครื่องฟอกอากาศ MC40UVM6

เครื่องฟอกอากาศไดกิ้น MC40UVM6

เครื่องฟอกอากาศไดกิ้นรุ่น MC40UVM6 ครอบคลุมพื้นที่ 31 ตารางเมตร เหมาะกับห้องขนาดกลางไปจนถึงส่วนกลางของบ้าน ช่วยในการยับยั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่น ด้วยระบบ Streamer ภายในเครื่อง ส่วนแผ่นกรองเป็น HEPA แบบไฟฟ้าสถิต จึงช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็กได้อย่างรวดเร็ว

จุดเด่น

  • ระบบฟอกอากาศภายในเครื่อง Streamer
  • เซนเซอร์วัดค่าระดับฝุ่นขนาดเล็กกว่า 5 ได้ละเอียดถึง 6 ระดับ
  • ฟิลเตอร์ดับกลิ่น Deodorizing Filter ซึ่งใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน
  • การออกแบบทรงสูงช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้อง

เครื่องฟอกอากาศ MC30VVM-A

เครื่องฟอกอากาศไดกิ้น MC30VVM-A

ใครที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กสำหรับห้องขนาดประมาณ 21 ตารางเมตร ต้องเครื่องฟอกอากาศไดกิ้นรุ่น MC30VVM-A เพราะมีขนาดกะทัดรัด แต่ประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม ใช้แผ่นกรองฝุ่นไฟฟ้าสถิตแบบ HEPA ทำให้กรองฝุ่นได้มีประสิทธิภาพและไม่อุดตันเร็ว

จุดเด่น

  • ฟิลเตอร์ดับกลิ่นแบบคาร์บอน Deodorizing Filter
  • แผ่นกรองฝุ่นไฟฟ้าสถิต HEPA ฟอกอากาศได้เร็ว และไม่อุดตันง่าย
  • มีเซนเซอร์ตรวจวัดฝุ่นขนาดเล็กกว่า 5 ระบุได้ละเอียด 3 ระดับ

เครื่องฟอกอากาศมีดีกว่าที่คิด ไม่เพียงเหมาะกับการใช้งานในช่วงที่มีวิกฤตฝุ่น PM2.5 เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไปเพื่อให้เรามีอากาศหายใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรคและกลิ่น รวมถึงบางรุ่นยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ผิวหนังไม่แห้ง เรียกได้ว่าดีสองต่อ ทั้งด้านระบบหายใจและผิวหนัง

ใครที่กำลังลังเลว่า "จะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี?" เครื่องฟอกอากาศของไดกิ้นนั้นสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีปล่อยประจุ Active Plasma และระบบ Streamer ที่กรองอากาศภายในเครื่อง พร้อมทั้งแผ่นกรองฝุ่นไฟฟ้าสถิต HEPA ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้อย่างรวดเร็ว และแผ่นกรองอุดตันช้า ทำให้ประหยัด ใช้งานได้นาน คุ้มค่า ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

 

***


เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์  จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ได้ยืนยันประสิทธิภาพเทคโนโลยี Streamer สามารถช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) และ เชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู (MHV-A59)  โดยผลการทดสอบที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยโตเกียว (The University of Tokyo) และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โอคายาม่า (Okayama University of Science) ประเทศญี่ปุ่น

ยืนยันผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์  ของประสิทธิภาพเทคโนโลยี Streamer  ด้วยการปล่อยประจุ Streamer เป็นเวลา 3 ชั่วโมง  ปรากฏว่าสามารถช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) และ เชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู (MHV-A59)  ได้ถึง 99.9% และ ในเมื่อปล่อยประจุ Streamer 1 ชั่วโมง สามารถช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ได้ถึง 93.6% และ เชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู (MHV-A59) ได้ถึง 91.8%

อย่างไรก็ตาม  ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นผลที่เกิดขึ้นภายในห้องทดลองที่ใช้เทคโนโลยี Streamer จึงไม่ได้ชี้บ่งว่าประสิทธิภาพของStreamer นั้นจะมีผลต่อการใช้งานในผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยี Streamer เมื่อใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมจริง

streamer_graph

เชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู (MHV-A59) เป็นไวรัสที่ถูกจัดอยู่ในสกุล (genus) Betacoronavirus อยู่ในวงศ์ (family) Coronaviridae ซึ่งเป็นวงศ์ที่มีเปลือกห่อหุ้ม และสารพันธุกรรมเป็น RNA สายเดี่ยว (Single stranded RNA, Positive-sense) อยู่ในอันดับ Nidovirales ซึ่งเป็นหนึ่งในไวรัสที่จัดอยู่ในสกุลเดียวกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) เบื้องต้นมีการใช้เชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู (MHV-A59) ในการจัดตั้งและกำหนดระบบการทดลอง จากนั้นทำการประเมินผลประสิทธภาพโดยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)

การทดสอบประสิทธิภาพ Streamer ได้ทำการทดสอบภายในห้องทดลอง กับ เชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู (MHV-A59) และเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)  ภายในกล่องอะคริลิคขนาด 31 ลิตร 2 กล่อง โดยติดตั้งอุปกรณ์ Streamer ไว้ภายในกล่องอะคริลิค 1 กล่อง และอีกกล่องไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ Streamer ไวรัสที่ทำการทดสอบถูกบรรจุอยู่ในสารละลายไวรัส ซึ่งถูกนำมาใส่ในหลุมของจานทดลอง 6 หลุม (6-well plate) หลุมละ 0.5 มล. และวางบนเครื่องเขย่า ที่มีรอบเขย่า 12 ครั้ง/นาที ภายในกล่องอะคริลิค อุปกรณ์ Streamer ทำงานโดยการปล่อยพลาสม่าผ่านอากาศลงไปยังจานทดลอง 6 หลุมที่มีสารละลายไวรัสอยู่ซึ่งตั้งอยู่บนเครื่องเขย่าที่กำลังทำงาน จากนั้นทำการเก็บสารละลายไวรัสทุกๆ 1, 2 และ 3 ชั่วโมง จากจานทดลอง และนำไปนับจำนวนไวรัสที่รอดชีวิตด้วยวิธีนับจำนวนพลัค (Plaque method) โดยใช้เซลล์ DBT สำหรับเชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู (MHV-A59) และวิธี TCID50 โดยใช้เซลล์ Vero E6 / TMPRSS2 สำหรับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)

บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) เปิดเผยว่า การทดสอบนี้เราได้ทำการทดสอบและค้นคว้าวิจัย ร่วมกับศาสตราจารย์ ชิเงรุ คิววะ บัณฑิตวิทยาลัย เกษตรกรรมและวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยโตเกียว (Professor Shigeru Kyuwa, Graduate School of Agriculture and Life Science, The University of Tokyo) และ ศาสตราจารย์ ชิเงรุ โมริกาวะ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โอคายาม่า (Professor Shigeru Morikawa, Faculty of Veterinary Medicine, Okayama University of Science)

เทคโนโลยี Streamer เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) กระทั้งในปี 2547 เทคโนโลยี Streamer ได้ถูกนำมาใช้งานจริง โดยใช้หลักการทำงานในการปล่อยประจุไฟฟ้าพลาสม่า Streamer (Streamer discharge) ที่มีประสิทธิภาพในการสลายสสารอันตราย

ปล่อยประจุ Streamer เป็นเทคโนโลยีฟอกอากาศที่สร้างอิเล็คตรอนความเร็วสูงอย่างเสถียร ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ทำได้ยากในเวลานั้น ประสิทธิภาพในการสลายสสารด้วยวิธีออกซิเดชั่น (Oxidation) ของ Streamer นั้นมากกว่าการปลดปล่อยประจุพลาสม่าแบบทั่วไป (glow discharge) ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ Streamer ผสานกับโมเลกุลส่วนประกอบในอากาศ ทำให้อิเล็คตรอนความเร็วสูงเหล่านั้น มีคุณสมบัติอย่างดีเยี่ยมในการสลายสสารด้วยการออกซิเดชั่น และคุณสมบัตินี้เองทำให้ Streamer สามารถช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แบคทีเรีย และแม้แต่มลภาวะภายในอากาศ เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ ไห้มีประสิทธิภาพในการสลายสสารอันตราย เช่น เชื้อก่อโรค แบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ และก๊าซอันตราย ได้เป็นต้น

streamer_picture

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน “ไดกิ้น” ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของรัฐในการทดสอบ ประสิทธิภาพของเทคโนโลยี Streamer นี้ กับสสารอันตรายต่างๆ อย่างเช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ก่อโรคระบาดรุนแรงอย่าง (H5N1)  ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ไม่รุนแรง (H1N1 Norovirus) จากหนู และสารพิษและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ

นอกเหนือจากเชื้อก่อโรคที่แสดงในตารางด้านล่างแล้ว ประสิทธิภาพของ Streamer ยังได้รับการทดสอบกับสสารอันตรายอีกกว่า 60 ชนิด โดยแบ่งเป็น เชื้อแบคทีเรีย 7 ชนิด สารก่อภูมิแพ้ 30 ชนิด รวมไปถึงสารเคมีอันตรายอีกกว่า 19 ซึ่งผลการทดสอบเหล่านั้นได้รับการยืนยันผลจากสถาบันวิจัยของรัฐ

streamer_table

 

 

สนับสนุนภาพ และเนื้อหา: https://www.daikin.co.th/service-knowledge/daikin-streamer/

https://www.daikin.co.th/service-knowledge/buy-air-purifer/

 

 

 TeddyAir by SC Cooling - Authorized Dealer - Since 1974

TAX ID: 0105531040635 l Commercial Registration ID: 4067/2531

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม LINE: @TeddyAir (ทุกวัน 24 ชม.) หรือ โทร. 095-323-9555, 095-329-5999 (จันทร์-เสาร์ 8.00น.-18.30น.)

*หมายเหตุ ราคาและโปรโมชั่นต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า โปรดสอบถามเจ้าหน้าที่บริษัทฯ ก่อนสั่งซื้อ